ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี เรื่อง The Last Breath of Sam Yan (2023)
The Last Breath of Sam Yan (2023) หากยังพอจำกันได้ เมื่อราวๆ เดือนมิถุนายน 2563 สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีคำสั่งให้ย้ายศาลเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลืองออกจากพื้นที่เพื่อก่อสร้างตึกสูงแทน รวมทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหาย พี่นก-เพ็ญประภา พลอยสีสวย ผู้ดูแลศาลเจ้า ด้วยจำนวนเงินมากกว่า 4.6 พันล้านบาท จนกลายเป็นแฮชแท็ก #saveศาลเจ้าแม่ทับทิม ที่ยืดเยื้อกลายเป็นคดีความกันมาจนถึงปัจจุบัน
สามปีให้หลัง จากศาลเจ้าเล็กๆ ที่นายทุนใหญ่ไม่แม้แต่จะเหลียวแล สู่การรวบรวมเรื่องราวการต่อสู้เรียกร้องของผู้คนในละแวกสามย่านและนิสิตนักศึกษา จนเกิดเป็นสารคดี ‘The Last Breath of SAM YAN’ เพื่อปกป้องลมหายใจสุดท้ายของพื้นที่ทางประวัติศาสตร์สามย่าน
ภาพหน้าตาของพื้นที่ชุมชนสามย่านและรอบบริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอันเป็นที่คุ้นตาของพวกเราในปัจจุบัน ต่างรายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าหรูหราและคอนโดมิเนียมใหญ่โตทุกทิศทาง แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วในอดีต พื้นที่เหล่านี้เคยเป็นย่านร้านขายชิ้นส่วนอะไหล่และเครื่องยนต์ที่เรียกว่า ‘ชุมชนเซียงกง’ แต่ต่อมาถูกไล่รื้อที่เพื่อสร้างศูนย์การค้าเสียหมด ปัจจุบันจึงเหลือเพียงศาลเจ้าแม่ทับทิมแห่งนี้เท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิมท่ามกลางชุมชนรอบข้างที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงกลายเป็นตึกหรูสูงระฟ้า
‘The Last Breath of SAM YAN’ จึงมุ่งตั้งคำถามไปที่ ‘การรื้อถอนไล่ที่’ ในนามของ ‘การพัฒนาที่ดิน’ ที่สำนักงานฯ ใช้อ้างเป็นเหตุผลในการขับไล่ผู้ดูแลศาลเจ้าแม่ทับทิม ในแง่หนึ่ง เราไม่อาจปฏิเสธว่าสิ่งต่างๆ ย่อมต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทว่าคำถามสำคัญคือเหตุใดสำนักงานฯ จึงจำเป็นต้องไล่รื้อที่ของชุมชน และทิ้งคนตัวเล็กตัวน้อยให้ดิ้นรนหาทางใช้ชีวิตกันต่อเอง หากต้องการพัฒนาที่ดินให้ดีขึ้นจริง มหาวิทยาลัยจะสร้างการพัฒนาไปพร้อมๆ กับรักษาวัฒนธรรมอันเก่าแก่และชุมชนรอบข้างไว้ไม่ได้เลยหรือ?
“จุฬาฯ ไม่เคยมองว่ามีชีวิตอยู่ในนั้น เขามองแค่ว่าเป็นพื้นที่ที่เขาจะทำประโยชน์อะไรต่อได้”
ประโยคนี้ที่นิสิตคนหนึ่งพูดในสารคดีเป็นคำพูดที่สะกิดใจเราไม่น้อย ในฐานะนิสิตจุฬาฯ ที่ใช้ชีวิตในละแวกสามย่านมากว่า 4 ปีเต็ม เราอยากเห็นภาพมหาวิทยาลัยเป็นมิตรกับชุมชนรอบข้างมากกว่านี้ เราเบื่อกับการหันไปมองทางไหนก็เจอแต่ตึกสูงเสียดฟ้าหน้าตาคล้ายกันไปหมด และเราโกรธที่เกียรติภูมิของจุฬาฯ กลับกลายเป็นการรับใช้ทุนจนไม่เห็นค่าชีวิตของผู้คนเช่นนี้
ด้วยบริบททางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของศาลเจ้าแม่ทับทิมที่มีอายุมากกว่าร้อยปี ทั้งยังมีคุณค่าทางด้านสถาปัตยกรรมดั้งเดิมซึ่งเป็นการก่อสร้างของช่างจีนโบราณ และคุณค่าทางจิตใจที่ยึดโยงกับวิถีชีวิตของผู้คน รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้ของนิสิต และเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมอันเก่าแก่ที่ไม่อาจสร้างใหม่มาทดแทนได้อีกแล้ว